หน้าหลัก โค้ด-บทความ php โค้ด-บทความ javascript โค้ด-บทความ css สารบัญ สารบัญ

ทักทายครับ

สวัสดีครับ หลังจากที่ blog นี้หยุดการอัพเดททบความเกี่ยวกับโค้ดในการใช้ทำเวปไปนานไม่ว่าจะเป็น code php, html, javascript, css, ajax เนื่องจากผมไม่ค่อยมีเวลาจนลืม blog นี้ไปเลย นึกขึ้นได้ตอนปีใหม่ ไปค้นหาใน google แล้วตกใจ เนื่องจาก blog นี้ไปอยู่ลำดับที่ 1 ของการค้นหา ไม่เชื่อลองดู เลยขอถือโอกาสเริ่มต้นใหม่ในช่วงปีใหม่นี้เริ่มอัพเดทบทความตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ติดตามบทความของผมต่อไปน่ะครับ ปล.ท่านใดสนใจลงโฆษณาสามารถติดต่อได้ที่ hotcodephp@gmail.com

27 เม.ย. 2555

การทำเมนูแบบเอาเมาส์ชี้ที่เมนูแล้วมีคำอธิบาย

เอาโค้ดนี้วางไว้ในส่วนของ <head></head>



ส่วนอันนี้ไว้ในส่วนของ <body>

Read more >>

26 เม.ย. 2555

การตรวจสอบนามสกุลไฟล์และขนาดของไฟล์ก่อนการ upload

คุณสมบัติ

1.รับแต่ไฟล์ที่มี่นามสกุล Gif, Jpg, Pdf, Png, Tiff, Doc และ Docx เท่านั้น
2.ต้องมีขนาดไฟล์ไม่เกิน 200 KB
3.หาก Upload ไม่ผ่านจะ Alert แล้วเคลียร์ค่าในช่อง File ให้ทันที
4.หาก Upload สำเร็จจะซ่อนคอนโทรลสำหรับการ Upload ทั้งหมดแล้วส่งชื่อไฟล์ที่ Upload ไปไว้ที่ Text Box
5.ทั้งหมดนี้สำเร็จในหน้าเดียว ไม่มีการ Reload ไปหน้าอื่นใด ๆ ทั้งสิ้น

ทดลองบน IE8 แล้วใช้ได้ผลดี ฝากท่านผู้อ่านบทความไปลองกับ Browser ตัวอื่น ๆ ด้วยครับ


1. upload.html



2. upload.php




หน้าตาของ upload.html



หลังจาก Upload จะมีข้อความบอกให้รอ



หากนามสกุลไฟล์ไม่ถูกต้อง จะแจ้งเตือนทันที (อันนี้ลองอัพไฟล์ .xls)



หรือหากขนาดไฟล์ใหญ่เกิน 200 KB ก็ไม่ยอมเช่นกัน



หาก Upload สำเร็จ จะแจ้งชื่อไฟล์ใหม่ที่โค้ดสร้างขึ้นให้ทราบทันที



ชื่อไฟล์ที่ Upload สำเร็จจะไปอยู่ใน Text Box เผื่อจะนำไปใช้งานต่อ
และซ่อนพวกช่องไฟล์และปุ่ม Upload ด้วย




Read more >>

25 เม.ย. 2555

การทำ menu แบบ spinmenu

พอดีไปเห็นเมนูแบบนี้มา แปลกดีครับลองใช้ดูน่ะครับ เป็นการใช้ภาษาทั้งภาษา html และภาษา javascript ร่วมกัน









โค้ดก็ตามนี้เลยน่ะครับ
1. spin.htm



2. spinmenu.js

Read more >>

24 เม.ย. 2555

สร้างกราฟบด้วยวิธีง่ายๆโดยใช้ FusionCharts


FusionCharts (www.fusioncharts.com) เป็นเครื่องมือช่วยสร้างกราฟเพื่อแสดงผลบนเว็บเพจ กราฟที่ออกมาจะมีลักษณะเป็น Flash ที่สวยงามและมีลูกเล่น เราสามารถใส่ link หรือข้อความลักษณะ tooltip ให้แสดงผลเวลาผู้ใช้ลากเมาส์ไปชี้ได้
FusionCharts สามารถเรียกใช้ได้ด้วยเว็บสคริปหลายภาษา ไม่ว่าผู้ใช้จะพัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่นด้วย ASP, PHP, JSP หรือ Javascript ก็ใช้บริการได้ ที่สำคัญคือเจ้า FusionCharts มันให้บริการฟรี !!
การใช้งาน FusionCharts ก็ง่ายมากครับ ผมจะแสดงตัวอย่างการเรียกใช้ด้วย PHP นะครับ
1. ขั้นแรกเลยไปดาวน์โหลด FusionCharts รุ่นใช้ฟรี ที่นี่
2. ในโฟลเดอร์ที่ดาวน์โหลดมาจะมีไฟล์ชื่อ Index.html หน้านี้มีประโยชน์มากครับ ลองกดเข้าไปจะมีตัวอย่างการใช้งานมากมาย
3. การติดตั้งง่ายมากครับ เราสร้างโฟลเดอร์หนึ่งในเว็บแอพพลิเคชั่นที่เราจะเรียกใช้ขึ้นมาก่อน ผมตั้งชื่อว่า fusioncharts
4. ทีนี้กลับไปโฟลเดอร์ที่เราดาวน์โหลดมา ก็อปปี้โฟลเดอร์ชื่อ Chart มาไว้ในโฟลเดอร์ fusioncharts ในขั้นตอนที่แล้ว ไฟล์ swf ในโฟลเดอร์นี้เองที่จะใช้ในการสร้างกราฟขึ้นมา แต่ละตัวก็จะสร้างในลักษณะต่างกันไป เช่น FCF_Bar2D.swf จะใช้สร้างแผนภูมิแท่งแนวนอน FCF_Pie3D.swf ใช้สร้างแผนภูมิวงกลมสามมิติ เป็นต้น
5. เราจะใช้ PHP ในการวาดกราฟ ดังนั้นให้ก็อปปี้ FusionCharts.php ในโฟลเดอร์ Code/PHP/Includes/ มาด้วยนะครับ
6. คราวนี้มาลองสร้างกราฟง่ายๆ กันดีกว่า ผมจะสร้างในลักษณะแผนภูมิแท่งแนวตั้งสามมิติที่เป็นชุดๆ ตามรูปนี้

โค้ด php เป็นแบบนี้ครับ
<?php
include_once("FusionCharts.php");
$strXML = "<graph caption='สถิติเด็ก' xAxisName='ปี พ.ศ.' baseFontSize='12' decimalPrecision='0' numberSuffix=' คน'>";
$strXML.= "<categories>";
$strXML.= "<category name='2548' />";
$strXML.= "<category name='2549' />";
$strXML.= "<category name='2550' />";
$strXML.= "<category name='2551' />";
$strXML.= "</categories>";
$strXML.= "<dataset seriesname='เด็กผู้ชาย' color='0000FF'>";
$strXML.= "<set value='25' />";
$strXML.= "<set value='52' />";
$strXML.= "<set value='37' />";
$strXML.= "<set value='60' />";
$strXML.="</dataset>";
$strXML.= "<dataset seriesname='เด็กผู้หญิง' color='FFCCFF'>";
$strXML.= "<set value='20' />";
$strXML.= "<set value='48' />";
$strXML.= "<set value='30' />";
$strXML.= "<set value='62' />";
$strXML.="</dataset>";
$strXML.= "</graph>";
echo renderChartHTML("Charts/FCF_MSColumn3D.swf", "", $strXML, "child", 600, 300);
?>

อธิบาย
include_once("FusionCharts.php");
ไฟล์ FusionCharts.php เป็นไฟล์ที่เก็บ Function ให้เราเรียกใช้ในการสร้าง Chart เราจึงต้องแนบมาด้วย
$strXML เป็นตัวแปร String ที่เราใช้สร้าง FusionCharts ขึ้นมา FusionCharts จะสร้างโดยใช้ XML ในรูปแบบตรงกับที่เขากำหนดมา กราฟแต่ละอย่างจะมีการเรียกใช้ XML นี้ต่างกันแต่ก็จะคล้ายๆ กัน
แต่ละ Tag ของ XML เราสามารถใส่ Attribute เพื่อปรับแต่งค่าต่างๆ อย่างเช่น ใส่สี เปลี่ยนขนาดตัวอักษร เหมือนกับแท็กของ HTML นั่นแหละครับ
ลักษณะโครงสร้างของ XML ของกราฟแต่ละแบบ รวมถึง Option ต่างๆ พร้อมตัวอย่างการเรียกใช้ เราดูได้จาก http://docs.fusioncharts.com/free หรือไฟล์ Index.html ในขั้นตอนที่ 2 ก็ได้ครับ ในหัวข้อ Chart XML API
echo renderChartHTML("Charts/FCF_MSColumn3D.swf", "", $strXML, "child", 600, 300);
ส่วนนี้เป็นฟังก์ชั่นที่สั่งให้ FusionCharts นำ XML ไปวาดกราฟออกมา
- พารามิเตอร์ตัวแรกจะเป็นไฟล์ swf ตัวที่ตรงกับประเภทกราฟที่เราจะวาด ในที่นี้คือ Multi-Series Column 3D
- ตัวที่สองเป็น URL ที่เราเก็บไฟล์ XML เอาไว้ ในที่นี้เราไม่ใช้ไฟล์ XML แต่เขียนลงไปใน PHP เลย จึงเว้นว่างไว้
- ตัวที่สามเป็น String ในรูปแบบของ XML ในที่นี้คือ $strXML
- ตัวที่สี่เป็น ID ของกราฟ กราฟในแต่ละหน้าห้ามมี ID ซ้ำกัน
- สองตัวสุดท้ายใช้ใส่ขนาดความกว้างและความสูงของกราฟเป็น pixel
เท่าที่ทดลองใช้ FusionCharts ทำงานได้ดี แต่มีปัญหาอยู่เล็กน้อยกรณีที่ใช้ภาษาไทย เราไม่สามารถใช้ภาษาไทยกับชื่อแกน Y ได้  แต่นอกนั้นก็นับว่ามันทำงานกับภาษาไทยได้ดีครับ
Read more >>

20 เม.ย. 2555

การทำ autocomplete อย่างง่าย


สามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน form ได้เพื่ออำนวยความสะวดกในการกรอกข้อมูล ครับ
HTML Code ตัวอย่าง


Javascript Code

gdata.php Code แต่จำเป็นต้องมีไฟล์ประกอบอีกน่าะครับ copy แล้วสร้างไฟล์ save ชื่อตามนี้เลย 1.autocomplete.js 2.autocomplete.css 3.autocomplete.gif




Read more >>

การคำนวณหาอายุจากวันเกิด


จะมีวิธีอยู่ 2 วิธีน่ะครับ
วิธีที่ 1
<?php
// กรณีวันเกิดที่เก็บสามารถแยกออกเป็นแต่ละส่วน เช่นปี ค.ศ. เดือน และ วัน
// ตัวอย่าง ปีเกิด 1990 เดือนเกิด 2 (กุมภาพันธ์)  วันที่ 14
// ฟังก์ชันคำนวณหาอายุใช้ดังนี้
function getAge($year,$month,$day) {
$then = mktime(1,1,1,$month,$day,$year);
return(floor((time()-$then)/31556926));
}
// การใช้งาน
echo getAge(1990,2,14);
// ผลลัพธ์จะได้ 19
?>

วิธีที่ 2
<?php
// กรณีวันเกิดที่เก็บอยู่ในรูปแบบของ date แบบมาตรฐาน คือ ปี ค.ศ.- เดือน - วันที่
// ตัวอย่าง 1990-02-14
// ฟังก์ชันคำนวณหาอายุใช้ดังนี้
function getAge($birthday) {
$then = strtotime($birthday);
return(floor((time()-$then)/31556926));
}
// การใช้งาน
$dateB="1990-02-14"; // ตัวแปรเก็บวันเกิด
echo getAge($dateB);
// ผลลัพธ์จะได้ 19
?>
Read more >>

17 เม.ย. 2555

ขยายหน้าจอให้เป็นแบบ Maximize โดยอัตโนมัติ

ตามโค้ดด้านล่างนี้เลยครับ

<script language="JavaScript1.2">
<!--
top.window.moveTo(0,0);
if (document.all) {
top.window.resizeTo(screen.availWidth,screen.availHeight);
}
else if (document.layers||document.getElementById) {
if (top.window.outerHeight<screen.availHeight||top.window.outerWidth<screen.availWidth){
top.window.outerHeight = screen.availHeight;
top.window.outerWidth = screen.availWidth;
}
}
//-->
</script>
Read more >>

ป้องกันการคลิกขวา (No right click) ให้กับรูปภาพ

เพียงแค่นำโค้ดด้านล่างนี้ไปไว้ก่อนที่จะปิด </body>

<script language="JavaScript1.2">
var clickmessage="Right click disabled on images!"

function disableclick(e) {
if (document.all) {
if (event.button==2||event.button==3) {
if (event.srcElement.tagName=="IMG"){
alert(clickmessage);
return false;
}
}
}
else if (document.layers) {
if (e.which == 3) {
alert(clickmessage);
return false;
}
}
else if (document.getElementById){
if (e.which==3&&e.target.tagName=="IMG"){
alert(clickmessage)
return false
}
}
}

function associateimages(){
for(i=0;i<document.images.length;i++)
document.images[i].onmousedown=disableclick;
}

if (document.all)
document.onmousedown=disableclick
else if (document.getElementById)
document.onmouseup=disableclick
else if (document.layers)
associateimages()
</script>
Read more >>

12 เม.ย. 2555

แสดงเวลาในการประมวลผล

โค้ดตามนี้เลยครับ
function microtime_float()
{
list($usec, $sec) = explode(" ", microtime());
return ((float)$usec + (float)$sec);
}

$time_start = microtime_float();

// Sleep for a while
for($i=0;$i<10000;$i++)
{
}
// usleep(100);

$time_end = microtime_float();
$time = $time_end - $time_start;

echo "Did nothing in $time seconds ";
Read more >>

แสดงข้อมูลความเตือนเมื่อออกจากเพจ

แสดงกรอบโต้ตอบเมื่อเราปิดบราวเซอร์ ออกจากเพจ เปลี่ยนเพจ หรือ กระทั่ง Refresh โดยใช้ event onunload ของ body อีเวนต์นี้ อาจทำงานไม่เหมือนกันในแต่ละ browser นะครับ

<body onunload="dounload()" bgcolor="#FFFFFF">
</body>
<script language="Javascript" type="text/javascript">
function dounload () {
  alert("ขอบคุณ")
}
</script>
Read more >>

คลิกที่ textbox แล้วข้อความหาย

เช่นในช่อง ค้นหา ปกติหากไม่ได้กรอกข้อความที่จะค้นหา จะแสดงคำว่า ค้นหา แต่พอเราเอาเมาส์ไปคลิกเพื่อกรอกข้อความค้นหา มันจะกลายเป็นช่องว่างๆ แทน


<input type="text" onfocus="if (this.value=='ค้นหา') this.value=''" name="text" value="ค้นหา" />
Read more >>

แก้ไขให้ php อับโหลดไฟล์ได้เกิน 2 M

ปกติแล้ว PHP จะยอมให้เราอัพโหลดได้ไม่เกิน 2M ครับ แต่หากเราต้องการให้ PHP ยอมให้อัพโหลดไฟล์ได้ขนาดแตกต่างจากนั้นเราสามารถกำหนดได้โดยกำหนด upload_max_filesize ใน PHP.ini ครับ แต่หาก server ไม่ใช่ของเราการกำหนดคงลำบาก แต่เราก็สามารถกำหนดเองได้ โดยการกำหนในไฟล์ .htaccess ครับ แต่ทั้งนี้ server ก็ต้องยอมให้เราใช้ไฟล์นี้ได้ด้วยครับ

ขั้นตอนการกำหนด คือ สร้างไฟล์นี้บนเครื่องของเรา เป็นไฟล์ text ธรรมดา แล้วใส่ข้อความในไฟล์ว่า php_value upload_max_filesize 20M โดยที่ 20M คือขนาดของไฟล์ที่ต้องการครับ แล้วให้เปลี่ยนชื่อไฟล์ให้เป็น .htaccess แล้วก็อัพโหลดขึ้นเว็บครับ เป็นอันเสร็จพิธี อ้อ ให้อัพโหลดไฟล์นี้ไปไว้ที่ไดเร็คทอรี่ที่เรียกใช้งานการ upload หรือ root ครับ

สำหรับไฟล์นี้เป็นไฟล์ระบบ เมื่อทำการอัพโหลดขึ้นเว็บแล้ว อาจมองไม่เห็นนะครับ ให้ระวังด้วย หากต้องการลบไฟล์นี้ ให้สร้างไฟล์ .htaccess เปล่าๆ แล้วอัพโหลดขึ้นเว็บ แล้วก็ลบทันทีครับ ถึงจะลบได้

หากต้องการดูค่าที่กำหนดไว้ทำได้โดยฟังก์ชั่นนี้ครับ


function get_upload_max_filesize () {
  $upload_max_filesize = ini_get("upload_max_filesize");
  if (eregi("([0-9]+)K", $upload_max_filesize, $tempregs)) $upload_max_filesize = $tempregs[1]*1024;
  if (eregi("([0-9]+)M", $upload_max_filesize, $tempregs)) $upload_max_filesize = $tempregs[1]*1024*1024;
  if (eregi("([0-9]+)G", $upload_max_filesize, $tempregs)) $upload_max_filesize = $tempregs[1]*1024*1024*1024;
  return $upload_max_filesize;
}

ค่าที่คืนกลับมาเป็น byte ครับ
Read more >>

include กับ require ใช้แบบไหนดี

คนเขียน PHP หลายคนคงงงกับความแตกต่างของฟังก์ชั่นเหล่านี้
  • include
  • inclue_once
  • require
  • require_once
ซึ่งจริงๆแล้ว ฟังก์ชั่นที่ 4 ก็ทำหน้าที่เดียวกันคือ รวมไฟล์อื่นๆ เข้ามาประมวลผลด้วย เหมือนเป็นไฟล์เดียวกัน

เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ เราสามารถส่งผ่านตัวแปรจากหน้าหนึ่งไปยังหน้าที่ถูก include เข้ามา รวมถึง ส่งตัวแปรจากหน้าที่ include เข้ามายังหน้าหลักได้ด้วย
<?php
    $a = 10;
    include('path/to/file2.php');
    echo $a + $b;
?>

โค้ดด้านบนเป็นไฟล์หลัก กำหนดตัวแปร $a ไว้ เท่ากับ 10 และ เราจะส่งตัวแปรนี้ไปประมวลผลที่ file2.php ซึ่งถูก include เข้ามา ซึ่งหลังจากประมวลผลไฟล์ file2.php แล้วก็จะนำค่าตัวแปร $a มาบวกกับ ตัวแปร $b ซึ่งถูกกำหนดใน file2.php
<?php
    $a = $a * 2;
    $b = 80;
?>

โค้ดใน file2.php ครับ ซึ่งแนวคิดง่ายๆของ include (หรือฟังก์ชั่นอื่นๆ ด้านบน) คือเหมือนประมวลผลด้วยไฟล์เดียวกัน

include และ require แตกต่างกันอย่างไร คำตอบให้ดูที่ชื่อมันเลยครับ ทั้ง 2 คำสั่งแต่ต่างกันแค่ สิ่งที่เกิดขึ้นหากไม่พบไฟล์ที่ต้องการ
  • include แปลว่า รวมเข้าด้วยกัน
  • require แปลว่า ต้องการ

ตามความหมายของชื่อ บอกให้รู้ว่า require สำคัญกว่า include ซึ่ง require หากไม่พบไฟล์ที่ต้องการ PHP จะคืนค่า Error และ หยุดหารทำงาน ซึ่งต่างจาก include หากไม่พบไฟล์ที่ต้องการ มันจะทำแค่แสดงข้อความเตือน แต่มันจะยังถูกประมวลผลต่อไปจนจบ ซึ่งถ้าดูจากผลลัพท์ของมัน หมายความว่า
  • ถ้าไฟล์ที่ต้องการรวม จะขาดเสียมิได้ ถ้าไม่มีการทำงานระบบจะผิดพลาดร้ายแรง ให้ใช้ require เพื่อป้องกันการทำงานต่อ ซึ่งอาจเกิดผลเสียกับระบบ
  •  ถ้าไฟล์ที่ต้องการ เป็นแค่ การทำงานที่ไม่จำเป็น อาจละเสียก้ได้(หรืออาจไม่มีอยู่ในระบบ) ก็ให้ใช้ include

include_once และ require_once มีความหมายเหมือนกับ 2 คำสั่งด้านบน แตกต่างกันตรงที่ คำสั่งที่มี once จะยอมให้มีการรวมไฟล์เข้ามาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ประเด็นเรื่องความเร็ว
include และ require จากการทดสอบ require จะทำงานได้เร็วกว่า include เล็กน้อย ซึ่งตามความเห็นของผม การใช้งานในแง่นี้ ผมแนะนำให้ดูที่จุดประสงค์ของไฟล์ที่ต้องการมากกว่า ส่วน ระหว่างที่มี once กับที่ไม่มี once คำสั่งที่มี once จะประมวลผล ช้ากว่าครับ เนื่องจากคำสั่งที่มี once จะต้องเสียเวลาในการตรวจสอบว่าไฟล์ถูกเรียกใช้งานแล้วหรือยัง ยกตัวอย่างเช่น การโหลด class ขนาดใหญ่
มีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ หากเราจำเป็นต้อง include ไฟล์ขนาดใหญ่ และมีโอกาศที่จะ include มากกว่า 1 ครั้งแล้ว การใช้คำสั่งที่มี once จะทำงานเร็วกว่านะครับ เนื่องจาก การประมวลผลไฟล์ขนาดใหญ่ อาจใช้เวลามากกว่าการตรวจสอบว่าไฟล์ได้ถูกรวมเข้ามาหรือยัง
คำแนะนำในการเลือกใช้
  • ผมแนะนำว่าเราไม่ควรอกแบบให้มีการ include ไฟล์แต่ละไฟล์เกินกว่า 1 ครั้ง เนื่องจากการ include ไฟล์ในแต่ละครั้ง PHP ยังจะต้องเสียเวลาส่วนหนึ่งไปกับการตรวจสอบ PATH ที่ถูกต้องของไฟล์ก่อนการเรียกใช้เสมอ หากมีความจำเป็นจะต้องใช้หน้าที่ include เพื่อประมวลผล หลายๆครั้ง ผมแนะนำให้สร้างฟังก์ชั่นในหน้าที่ include และ include หน้าเข้ามาก่อนการประมวลผล และทำการเรียกใช้ฟังก์ชั่นหลายๆครั้ง แทนครับ
  • ในการ include ไฟล์ เราควรระบุ PATH ของไฟล์แบบเต็มๆ จะทำให้ PHP ไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาไฟล์ครับ เช่น <?php include('C:\home\website\test.php');?> ซึ่งจะเร็วกว่าการระบุแบบ <?php include('test.php');?>
Read more >>

เอาเมาส์ชี้แล้วเปลี่ยนสีตาราง


วิธีการทำเมาส์โอเวอร์แล้วเปลี่ยนสี แถวของตารางง่ายๆๆ จ๊ะ

อันนี้คือเปลี่ยนทั้งแถว
<tr onMouseOver="this.bgColor='#F4F4F4'" onMouseOut ="this.bgColor = ''">

หากอยากเปลี่ยนเฉพาะคอลัมก็นี้เลย
<td  onMouseOver="this.bgColor='#F4F4F4'" onMouseOut ="this.bgColor = ''">
Read more >>

4 เม.ย. 2555

ตรวจว่ามี วัน เดือน ปี อยู่จริงหรือเปล่า

Checkdate เป็นฟังค์ชั่นที่ใช้ในการเช็ควันที่ว่าในปีนั้นๆ มีวันที่นี้หรือไม่

รูปแบบคำสั่ง

  checkdate (เดือน,วัน,ปี);

รูปแบบการใช้งาน

<?
  echo checkdate (10,20,2000); //ใส่วันที่ ที่เราต้องการทราบ หลังจากนั้นถ้าได้ 1 แสดงว่ามี 0 ไม่มี

?>
Read more >>

คำอธิบาย error ที่พบบ่อยใน php


อธิบาย error ที่เกี่ยว PHP มักจะพบกันบ่อย ๆ

1. Parse error: parse error in c:\appserv\www\test\test.php on line 6
คือมีการพิมพ์ผิดรูปแบบ หรือไม่ถูกหลักเกฑ์ ในบรรทัดที่ 6

2.Parse error: parse error, expecting `';'' in c:\appserv\www\test\test.php on line 2
คาดการณ์ว่าอาจจะลืมเครื่องหมาย ';'' ที่ตำแหน่งบรรทัดที่ 2

3.Fatal error: Call to undefined function: explod() in c:\appserv\www\test\test.php on line 2
Call to undefined function: การเรียกใช้งานฟังก์ชั่นนี้ ยังคลุมเครืออยู่
explod() อาจจะพิมพ์ชื่อผิดหรือไม่มีฟังก์ชั่นนี้ ที่ตำแหน่งบรรทัดที่ 2

4.Warning: Wrong parameter count for explode() in c:\appserv\www\test\test.php on line 2
คาดการณ์่ว่าการใช้งานฟังก์ชั่น ผิดพลาด หรือไม่มีการส่งค่าไปให้ โดยที่เกี่ยวกับการส่งค่าให้กับฟังก์ชั่น ที่ตำแหน่งบรรทัดที่ 2

5.Parse error: parse error, expecting `T_VARIABLE' or `'$'' in c:\appserv\www\test\test.php on line 2
คาดการณ์ว่า การตั้งชื่อตัวแปร ผิดพลาด ที่บรรทัดที่ 2

6.error ที่พบ ต่อไปนี้มักจะมาพร้อมกัน
Warning: main(test/test.php): failed to open stream: No such file or directory in c:\appserv\www\test\test.php on line 2
Warning: main(test/test.php): คำเตือน เราอาจจะไม่มีชื่อไฟล์ test.php ใน ไดเร็กทรอรี่ test
failed to open stream: ทำให้ไม่สามารถเรียนกใช้ไฟล์ test.php ได้

Warning
: main(): Failed opening 'test/test.php' for inclusion (include_path='.;c:\php4\pear') in c:\appserv\www\test\test.php on line 2
Warning
: main(): Failed opening 'test/test.php'
คำเตือน ไม่สามารถเปิดไฟล์ test.php ได้
Read more >>

การตัดคำที่อยู่นอกวงเล็บออก


$x =$id;
$start= strpos($x,'>')+1; //หาจุดเริ่มต้นของคำในวงเล็บ
$end =strpos($x,'<',$start); //หาจุดสุดท้ายของคำในวงเล็บ
$word =substr($x,$start,$end-$start); // ตัดคำที่อยู่ในวงเล็บ
$newlnk =trim($word); // กรณีต้องการตัดช่องว่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
echo $newlnk;

จากตัวอย่างจะตัดคำที่อยู่นอกเครื่องหมาย < และ > ออก ให้เหลือเฉพาะที่อยู่ในเครื่องหมาย < และ > เท่านั้น
Read more >>